เรียนนวัตกรรมไอทีที่เมืองหลวงเก่า:บทความแนะนำมหาวิทยาลัยในเกียวโตสำหรับการศึกษาด้านไอที
2024.02.29
ในปัจจุบันนี้ การใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การขาดแคลนบุคลากรที่สามารถใช้เทคโนโลยีไอทีได้กลายเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งในญี่ปุ่นเอง ความต้องการจ้างงานด้านไอทีก็สูงขึ้นด้วย บริษัทจำนวนมากต้องการจ้างงานบุคลากรเก่ง ๆ ในสายงานด้านไอทีอย่างวิศวกรระบบและโปรแกรมเมอร์ โดยไม่เกี่ยงว่าเป็นคนญี่ปุ่นหรือคนต่างชาติ ซึ่งที่เกียวโตนั้นก็มีมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยเฉพาะทางหลายแห่งที่เพื่อน ๆ สามารถเรียนด้านไอทีได้ และมหาวิทยาลัยเหล่านี้ก็ยังมีการสภาพแวดล้อมการเรียนการสอนที่เหมาะสำหรับนักศึกษานานาชาติที่ต้องการเรียนเกี่ยวกับไอที ลองมาดูสถานศึกษาที่เหมาะกับเพื่อน ๆ กันนะครับ
รู้มั้ยครับว่าสาขาไอทีนั้นจริง ๆ แล้วเรียนเกี่ยวกับอะไร
การเรียนสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือที่เรียกกันว่า “ไอที” ในมหาวิทยาลัยนั้น โดยปกติจะเรียนที่ภาควิชาด้านสารสนเทศศาสตร์ ซึ่งส่วนมากจะอยู่ในคณะวิศกรรมสารสนเทศ คณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้น เพื่อน ๆ สามารถเริ่มหาข้อมูลได้จากคณะเหล่านี้นะครับ สารสนเทศศาสตร์เป็นสาขาที่เรียนเกี่ยวกับ “ข้อมูลสารสนเทศ” มีขอบเขตกว้าง ๆ ครอบคลุมตั้งแต่การสร้างข้อมูลสารสนเทศ การจัดการข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาและการใช้งานข้อมูลเหล่านั้น โดยสิ่งที่เรียนสามารถแบ่งได้เป็น 3 องค์ความรู้หลัก ได้แก่ 1) ความรู้ทางสังคมศาสตร์ เช่น จริยธรรมสารสนเทศและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 2) ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในวิชาพื้นฐาน เช่น สถิติและคณิตศาสตร์ประยุกต์ และ 3) ความรู้ทางด้านซอฟต์แวร์ เช่น การเขียนโปรแกรมและอัลกอริทึม
มหาวิทยาลัยศิลปะบางแห่ง มีการเรียนการสอนสาขาไอทีที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบเกมส์และดีไซน์ต่าง ๆ ด้วยนะครับ และหากเราค่อนข้างแน่ใจเกี่ยวกับงานที่อยากจะทำในอนาคต อยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีระดับสูงเฉพาะทางเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานในอนาคตแล้วล่ะก็ การสมัครเรียนในโปรแกรมของวิทยาลัยเฉพาะทางก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากเลยทีเดียวครับ
เรามาดูกันเลยนะครับว่า ที่เกียวโตมีสถาบันการศึกษาไหนบ้างที่มีการเรียนการสอนด้านไอที
มหาวิทยาลัยในเกียวโตที่มีการเรียนการสอนด้านไอที
1. มหาวิทยาลัยเกียวโต: คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาสารสนเทศศาสตร์
เว็บไซต์ทางการของคณะ: https://www.s-im.t.kyoto-u.ac.jp/en/index.html?set_language=en
จุดเด่น:
(1) หลังจากจบการศึกษาปีแรก นักศึกษามีทางเลือก 2 หลักสูตร ได้แก่
・หลักสูตรคณิตศาสตร์วิศวกรรม
・หลักสูตรวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์
(2) รวมภาคทฤษฎีและปฏิบัติเกี่ยวกับสารสนเทศศาสตร์ มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการแก้ไขปัญหาโดยใช้คณิตศาสตร์และฟิสิกส์เป็นความรู้พื้นฐาน
2. มหาวิทยาลัยเกียวโตโคเงเซ็นอิ (KIT): คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาควิชาวิศวกรรมการออกแบบ หลักสูตรวิศวกรรมศาตร์สารสนเทศ
เว็บไซต์ทางการของคณะ: https://www.kit.ac.jp/en/academic-programs/undergraduate-programs/information-science/
จุดเด่น:
(1) มีการเรียนการสอนทั้งสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และวิศวกรรมศาสตร์คอมพิวเตอร์
(2) มุ่งเน้นการเรียนการสอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
3. มหาวิทยาลัยริตซึเมคัง: คณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์สารสนเทศ
เว็บไซต์ทางการของคณะ: https://en.ritsumei.ac.jp/ise/
จุดเด่น:
(1) ในเทอมที่ 2 ของชั้นปีที่ 1 นักศึกษาสามารถเลือกหลักสูตรได้จาก 7 หลักสูตร โดยจะมีหลักสูตรภาษาญี่ปุ่น 6 หลักสูตรที่มุ่งเน้นการพัฒนาความเชี่ยวชาญเชิงลึก และหลักสูตรภาษาอังกฤษ 1 หลักสูตรที่มุ่งเน้นการบูรณาการหลากหลายสาขาองค์ความรู้ มีบรรยากาศการเรียนการสอนแบบนานาชาติ
・หลักสูตรสถาปัตยกรรมระบบ
・หลักสูตรความปลอดภัยและเน็ตเวิร์ค
・หลักสูตรการออกแบบระบบทางสังคม
・หลักสูตรคอมพิวเตอร์กายภาพ
・หลักสูตรเทคโนโลยีการสื่อสาร
・หลักสูตรวิทยาการสารสนเทศและปัญญาประดิษฐ์
・หลักสูตรวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมระบบสารสนเทศ ※หลักสูตรภาษาอังกฤษ
(2) คณะมีโครงการฝึกงานด้านไอทีที่ต่างประเทศ
(3) คณะย้ายมาอยู่ที่แคมปัสโอซากา อิบารากิ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 และขยายความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐท้องถิ่นและเอกชน ตามโครงการ “Socially Connected Campus”
4. มหาวิทยาลัยเกียวโตซังเกียว: คณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์สารสนเทศ
เว็บไซต์ทางการของคณะ: https://www.kyoto-su.ac.jp/english/department/science_engineering.html
จุดเด่น:
(1) ในเทอมที่ 2 ของปีการศึกษาที่ 1 นักศึกษาสามารถเลือกหลักสูตรได้จาก 10 หลักสูตร โดยสามารถเลือกได้ว่าจะเลือกเรียนเพียงหลักสูตรเดียวเพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญในเชิงลึก หรือจะเลือกหลายหลักสูตร (มากสุด 3 หลักสูตร) เพื่อเรียนรู้องค์ความรู้และเทคนิคในวงกว้าง
・หลักสูตรระบบเน็ตเวิร์ค
・หลักสูตรความปลอดภัยทางสารสนเทศ
・หลักสูตรวิทยาการข้อมูล
・หลักสูตรการสื่อสารกับหุ่นยนต์
・หลักสูตรการออกแบบแผงวงจรคอมพิวเตอร์
・หลักสูตรระบบบูรณาการ
・หลักสูตรการผลิตดิจิทัล
・หลักสูตรประสาทวิทยา
・หลักสูตรเทคโนโลยีการผลิตสื่อ
・หลักสูตรระบบสารสนเทศ
(2) มีสัดส่วนอาจารย์ 1 คนต่อนักศึกษา 5.3 คน ถือเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำที่มีการเรียนการสอนแบบกลุ่มเล็ก
5. มหาวิทยาลัยเกียวโตทะจิบานะ: คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมศาสตร์สารสนเทศ
เว็บไซต์ทางการของคณะ: https://www.tachibana-u.ac.jp/english/faculties/engineering.html
จุดเด่น:
(1) ในปีการศึกษาที่ 1 และ 2 เรียนความรู้พื้นฐานด้านวิศวกรรมศาสตร์สารสนเทศ เมื่อเข้าปีการศึกษาที่ 3 นักศึกษาจะเลือกหลักสูตรจาก 5 หลักสูตร
・หลักสูตรการออกแบบซอฟท์แวร์
・หลักสูตรการออกแบบเน็ตเวิร์ค
・หลักสูตรระบบ IoT
・หลักสูตรการออกแบบสื่อ
(2) เป็นคณะที่มีการเรียนการสอนที่ครอบคลุมทั้งวิชาการออกแบบของคณะวิศวกรรมศาสตร์ และวิชาทางสังคมศาสตร์ของคณะเศรษฐศาสตร์และคณะบริหาร ซึ่งทำให้นักศึกษาสามารถเรียนรู้ได้หลากหลายสาขา สร้างเสริมแนวคิดและมุมมองใหม่ ๆ
(3) มีการเรียนการสอนที่ใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น เครื่องปริ๊นท์ 3D และแว่น VR
6. มหาวิทยาลัยโดชิชา: คณะวัฒนธรรมสารสนเทศ
เว็บไซต์ทางการของคณะ: https://www.cis.doshisha.ac.jp/english/education/outline/
จุดเด่น:
(1) ในปีการศึกษาที่ 1 และ 2 นักศึกษาจะเรียนวิชาความรู้เบื้องต้นหลากหลาย เช่น วัฒนธรรมศาสตร์ วิทยาการข้อมูล และวิชาเกี่ยวกับเทคโนโลยีแนวหน้าและบูรณาการ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการทำวิจัยตั้งแต่ปี 3 ขึ้นไป
(2) มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับวัฒนธรรมและวิทยาการข้อมูล เป็นการบูรณาการองค์ความรู้ทั้งด้านสังคมศาสตร์และวิทยาศาสตร์
7-1. วิทยาลัยเกียวโตเคไซ: หลักสูตรระบบสารสนเทศ
เว็บไซต์ทางการของหลักสูตร: https://www.kyoto-econ.ac.jp/course/course-informatics/
จุดเด่น:
มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม ความปลอดภัยเชิงสารสนเทศ และการออกแบบระบบ ซึ่งเป็นความรู้พื้นฐานที่จำเป็นต่อการพัฒนาซอฟท์แวร์และการออกแบบสารสนเทศ
7-2. วิทยาลัยเกียวโตเคไซ:หลักสูตรการออกแบบบูรณาการ
เว็บไซต์ทางการของหลักสูตร: https://www.kyoto-econ.ac.jp/course/course-design/
จุดเด่น:
นักศึกษาจะได้เรียนเกี่ยวกับความรู้ด้านไอที เช่น การออกแบบเว็บไซต์และ CG นอกจากนั้น ยังมีการเรียนการสอนในสาขาที่เกี่ยวข้องอย่างการบริหารและเศรษฐศาสตร์ที่เน้นฝึกฝนกระบวนการคิดเชิงออกแบบและอารมณ์ความรู้สึกทางศิลปะ ซึ่งเป็นทักษะการออกแบบองค์รวมที่จะเป็นประโยชน์กับการทำธุรกิจต่อไปในอนาคต