นินเทนโดก่อตั้งในปี 1889 โดยเริ่มจำหน่ายไพ่ “ฮานะฟุดะ (Hanafuda)” ซึ่งเป็นการ์ดเกมของญี่ปุ่น ในสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603-1867) เกมการพนันถือเป็นเรื่องต้องห้ามรุนแรงมากในญี่ปุ่น จึงแทบไม่มีผู้ขายฮานะฟุดะหรือเกมอื่นที่สามารถนำมาใช้เป็นอุปกรณ์ในการพนันเลย จนกระทั่งเข้าสู่สมัยเมจิ ในปี 1885 มีการปรับปรุงกฎหมายให้การขาย “คารุตะของชาวตะวันตก” (หรือไพ่ป๊อกในปัจจุบัน) ที่เข้ามาจากต่างประเทศเป็นสิ่งถูกกฎหมาย การผลิตและจัดจำหน่ายฮานะฟุดะ “เพื่อการละเล่น” จึงทำได้ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ 1880 คุณยามะอุจิ ฟุซาจิโร ผู้ก่อตั้งบริษัทนินเทนโด จึงเล็งเห็นโอกาส และเริ่มผลิตและจัดจำหน่ายฮานะฟุดะขึ้น

หลังจากนั้น นินเทนยังเป็นเจ้าแรกในญี่ปุ่นที่เริ่มผลิตไพ่ป๊อกที่เดิมทีมีเพียงไพ่ที่นำเข้ามาจากประเทศตะวันตกเท่านั้น ทำให้บริษัทเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตเกมไพ่ และกว่าที่นินเทนโดจะเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะของบริษัทผู้ผลิตเกมคอมพิวเตอร์ ก็จนกระทั่งราวปี ค.ศ. 1970 เมื่อบริษัทเริ่มผลิตแฟมิลีคอมพิวเตอร์เกมและเกมบอย เครื่องเกมสำหรับเกมเซ็นเตอร์และสำหรับใช้ภายในครอบครัว เป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมที่ผู้คนทั่วโลกหลงรักมาอย่างยาวนาน

ปัจจุบัน อาคารที่เคยเป็นสำนักงานใหญ่หลังเก่าของบริษัทนินเทนโด และเป็นที่อยู่ของคุณยามะอุจิเองด้วยนั้น ได้มีการปรับปรุงเป็นโรงแรมตั้งแต่เดือนเมษายน 2022 ที่ผ่านมาด้วยนะครับ (เว็บไซต์ทางการของโรงแรม)

“ฮานะฟุดะ” คืออะไร

ฮานะฟุดะมีไพ่ในสำรับทั้งหมด 48 ใบ โดยไพ่ทุกใบจะมีรูปวาด ต่างจากไพ่ป๊อกที่มีทั้งไพ่ตัวเลขและรูปภาพ ซึ่งภาพในไพ่ทั้ง 48 ใบ จะแบ่งตามเดือนจากมกราคมถึงธันวาคม เดือนละ 4 ใบ และรูปวาดในไพ่ก็จะเป็นรูปตามธีมของแต่ละเดือน เช่น เดือนมกราคมเป็นธีม “ต้นสน” ไพ่ทั้ง 4 ใบของเดือนนี้ก็จะเป็นรูปต้นสน แต่จะแตกต่างกันที่บางใบมีรูปกระดาษขอพร หรือบางใบมีรูปนกอยู่ด้วย ซึ่งลวดลายที่แตกต่างกันนี้เป็นตัวบอกแต้มของไพ่แต่ละใบ การเล่นฮานะฟุดะสามารถทำได้หลายแบบ แต่โดยพื้นฐานคือการเล่นโดยนับคะแนนไพ่บนมือ บวกกับคะแนนพิเศษจากการรวมไพ่แบบต่าง ๆ เช่นเดียวกับการเล่นไพ่ป๊อก และผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดตอนจบเกมก็คือผู้ชนะ

ธีมบนไพ่แต่ละเดือนนั้นเป็นพืชตามฤดูกาลของญี่ปุ่น (ยกเว้นเดือนพฤศจิกายนที่ไม่ใช่ธีมพืชแต่เป็นธีมฝน) บวกกับภาพประเพณีญี่ปุ่นอย่างการชมซากุระและการชมจันทร์ สัตว์มงคล ได้แก่ หมูป่า กวาง และผีเสื้อ ตลอดจนภาพแทนความงดงามของธรรมชาติซึ่งได้แก่ ดอกไม้ นก ลม และพระจันทร์ ทำให้ผู้เล่นได้สัมผัสถึงกลิ่นอายของวัฒนธรรมญี่ปุ่นไปในตัวด้วยนะครับ

บริษัท Shimadzu ก่อตั้งปี 1875 โดยเริ่มต้นตั้งบริษัทอยู่ที่ Kiyamachi Nijo แต่ปัจจุบันสำนักงานใหญ่ของบริษัทตั้งอยู่ใกล้กับสถานี Nishioji-Oike บนเส้นรถไฟใต้ดินเกียวโต คุณชิมาซึ เก็นโซ ผู้ก่อตั้งบริษัทเกิดในครอบครัวผู้ผลิตอุปกรณ์ทางศาสนาพุทธ โดยในปี 1860 คุณเก็นโซเริ่มผลิตอุปกรณ์ทางศาสนาพุทธเช่นเดียวกับคุณพ่อของเขา แต่รัฐบาลญี่ปุ่นในสมัยนั้นมีนโยบายต่อต้านศาสนา ทำให้ความต้องการอุปกรณ์ทางพระพุทธศาสนาในสมัยนั้นลดลง

อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้น แม้ว่าญี่ปุ่นจะย้ายเมืองหลวงไปยังโตเกียวแล้วก็ตาม แต่ในเกียวโตก็ยังมีการส่งเสริมการค้าและอุตสาหกรรมอยู่  ทำให้มีการขยายตัวของผู้ผลิตที่นำเข้าเทคโนโลยีจากต่างชาติ รวมทั้งการเติบโตของการศึกษาวิจัยด้านเคมีอีกด้วย ที่ใกล้ ๆ กับร้านอุปกรณ์ทางศาสนาของคุณเก็นโซตรง Kiyamachi Nijo นั้นเอง มีศูนย์วิจัย Seimikyoku ที่จังหวัดเกียวโตตั้งขึ้นมาเพื่อวิจัยด้านฟิสิกส์และเคมี เป็นแหล่งรวบรวมเอาอุปกรณ์เครื่องมือสมัยใหม่ทางด้านฟิสิกส์และเคมีจากต่างประเทศมาไว้เป็นจำนวนมาก คุณเก็นโซได้แวะเวียนไปที่ Seimikyoku เพื่อศึกษาค้นคว้าองค์ความรู้ทางด้านฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์ และทำสัญญาเป็นผู้ผลิตและซ่อมแซมอุปกรณ์ฟิสิกส์และเคมีโดยได้นำเอาเทคนิคในการผลิตอุปกรณ์ทางศาสนามาประยุกต์ใช้ กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัท Shimadzu

ลูกชายของคุณเก็นโซได้รับสืบทอดกิจการและสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เป็นจำนวนมาก จนได้รับสมญานามว่า “เอดิสันแห่งญี่ปุ่น” เลยทีเดียวนะครับ โดยหนึ่งในนั้นก็คือแบตเตอรี่ซึ่งกลายมาเป็นสิ่งที่แทบจะขาดไปไม่ได้ในชีวิตปัจจุบัน มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและใช้งานอย่างแพร่หลาย นอกจากนั้น เขายังได้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอีกเป็นจำนวนมาก เช่น เครื่องเอ็กซ์เรย์และเครื่องวัดด้วยแสง เป็นต้น บริษัท Shimadzu จึงเติบโตเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ปัจจุบันมีสาขามากมายทั่วโลก

ในปี 2002 คุณทานากะ โคอิจิ นักวิจัยของ Shimadzu ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมี และหลังจากนั้นบริษัทก็ได้ก่อตั้งศูนย์วิจัยเฉพาะทางขึ้นเพื่อการพัฒนา โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในสังคมอีกด้วยนะครับ

อุปกรณ์ทางพระพุทธศาสนาคืออะไร

เดิมที อุปกรณ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่ใช้เพื่อการสักการะบูชาพระพุทธเจ้าในวัดพุทธของญี่ปุ่นครับ ต่อมาในสมัยเอโดะ (ศตวรรษที่ 16-18) เริ่มมีการใช้หิ้งพระเพื่อการเคารพบรรพบุรุษตามบ้านเรือนของประชาชนทั่วไป อุปกรณ์ทางพระพุทธศาสนาจึงเริ่มขยายตัวครอบคลุมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในครัวเรือนด้วย คุณเก็นโซนั้นเริ่มต้นผลิตอุปกรณ์ที่เรียกกันในภาษาญี่ปุ่นว่า Mitsugusoku ซึ่งประกอบไปด้วยอุปกรณ์ 3 ชนิด ได้แก่ แจกันดอกไม้ กระถางธูป และที่ปักเทียน อุปกรณ์แต่ละชนิดมีความหมายในตัวเองครับ ดอกไม้หมายถึงความเมตตาของพระพุทธเจ้า ธูปเป็นสิ่งที่ชำระล้างร่างกายของผู้สักการะ และแสงเทียนหมายถึงพระสติปัญญาของพระพุทธเจ้าที่ปัดเป่าความมืดมิดในจิตใจของมนุษย์ ทั้งนี้ การประดับหิ้งพระและความหมายก็อาจแตกต่างกันไปตามพุทธศาสนาแต่ละนิกายนะครับ