ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก ที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยมีสัญญาณ Wi-Fi สาธารณะ นักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่สะดวกเอาซะเลย เมืองเกียวโตจึงเริ่มปรับปรุงปัญหาดังกล่าวด้วยการติดตั้งสัญญาณ Wi-Fi สาธารณะ อย่าง Kyto Wi-Fi ของเมืองเกียวโต และ Japan Free Wi-Fi KYOTO ของจังหวัดเกียวโต ตามป้ายรถประจำทาง ศูนย์การค้า และคาเฟ่ต่าง ๆ ทำให้ปัจจุบันสามารถใช้งาน Wi-Fi สาธารณะได้ง่ายมากขึ้น นอกจากนี้ แทบทุกมหาวิทยาลัยและโรงเรียนก็มีบริการ Wi-Fi ให้กับนักเรียนนักศึกษาของแต่ละสถาบันสามารถใช้งานได้ฟรี ซึ่งเป็นเรื่องที่สะดวกมาก ๆ เลยนะครับ

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เราต้องการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อการเรียนอย่างจริงจัง การเตรียมตัวสมัครงาน หรือการเรียนออนไลน์ในช่วง COVID-19 หลายคนคงอยากที่จะใช้อินเตอร์เน็ตที่บ้านตัวเองมากกว่าจริงมั้ยครับ

การใช้ Wi-Fi ที่ห้องพักของตัวเองนั้น สามารถทำได้หลายวิธีครับ

ยกตัวอย่างเช่น อพาร์ทเมนต์บางแห่งมีสัญญาณ Wi-Fi ติดตั้งอยู่แล้ว เราเพียงแค่ซื้อเครื่องรับสัญญาณ Wi-Fi มาเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องทำสัญญาเพิ่มเติมใด ๆ ก็สามารถใช้ Wi-Fi ได้เลย หอพักมหาวิทยาลัยส่วนมากก็ติดตั้ง Wi-Fi ไว้แล้วแทบจะทั้งหมดนะครับ

หรือในกรณีที่ใช้โทรศัพท์มือถือ บางบริษัทมีบริการเช่าเราท์เตอร์ Wi-Fi บางบริษัทก็มีโปรโมชั่นส่วนลดเมื่อทำสัญญาพร้อมกับสัญญาณโทรศัพท์ เป็นต้น เพื่อน ๆ สามารถสอบถามกับร้านสาขาบริษัทมือถือของเราได้เลยนะครับ

นอกจากนี้ เรายังสามารถติดต่อกับบริษัทที่ให้บริการสัญญาณอินเตอร์เน็ตเพื่อขอบริการสัญญาณ Wi-Fi โดยตรงได้อีกทางหนึ่งด้วย เพียงแต่ว่าการทำสัญญากับบริษัทอินเตอร์เน็ต รวมถึงการทำสัญญาเช่าเราท์เตอร์ Wi-Fi จากบริษัทสัญญาณโทรศัพท์มือถือในลักษณะนี้มักจะมีเงื่อนไข “ระยะเวลาการทำสัญญา” 2-3 ปีขึ้นไป ทำให้นักศึกษานานาชาติหลายคนที่มาแลกเปลี่ยนเพียงปีเดียว หรือเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ไม่สามารถทำสัญญาได้ อีกทั้งเอกสารสัญญาก็มักจะเป็นภาษาญี่ปุ่น ยากต่อการทำความเข้าใจระบบ การทำสัญญาใช้งานอินเตอร์เน็ตจึงกลายเป็นอุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งของนักศึกษานานาชาติหลายคน

แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกบริษัทจะมีเงื่อนไขเช่นนี้เหมือนกันทั้งหมดนะครับ Kyoto Study ได้สอบถามข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับนักศึกษานานาชาติ รวมถึงวิธีการสมัคร Wi-Fi จากบริษัท DXHub ที่มีฐานบริษัทอยู่ในเกียวโต และมีบริการพิเศษสำหรับนักศึกษานานาชาติ เราลองมาดูรายละเอียดด้วยกันนะครับ

สมาชิกในแผนก Wi-Fi ของ DXHub Group ทุกคนเป็นชาวต่างชาติครับ และหลายคนเคยผ่านประสบการณ์การเป็นนักศึกษานานาชาติที่ญี่ปุ่นมาก่อนด้วย ซึ่งด้วยประสบการณ์เหล่านี้เอง ทำให้สามารถเข้าใจสถานการณ์ของนักศึกษานานาชาติเป็นอย่างดี

คุณไซรัสจากบริษัท DXHub อธิบายถึงรายละเอียดให้เราฟังพร้อมกับเล่าประสบการณ์ของเขาว่า

“ตอนที่ผมมาเป็นนักศึกษานานาชาติเมื่อปี 2015 ผมเคยไปทำสัญญาเช่าพ็อกเก็ต Wi-Fi แต่ก็ถูกปฏิเสธมาครับ เนื่องจากวีซ่าของผมตอนนั้นเป็นวีซ่าระยะสั้น จึงถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลเรื่องวีซ่า ซึ่งตอนนั้นเอาจริง ๆ วีซ่าของผมมีระยะเวลา 1 ปีนะครับ และนักศึกษานานาชาติหลายคนมีวีซ่าเพียง 6 เดือนเสียด้วยซ้ำ แต่เท่าที่ผมทราบมาก็คือ บริษัทที่ให้บริการ Wi-Fi ส่วนใหญ่มักจะให้บริการเฉพาะชาวต่างชาติที่มีวีซ่า 3 ปีขึ้นไป

ซึ่งการสมัครใช้บริการ Wi-Fi กับ DXHub ไม่มีเงื่อนไขแบบนี้ครับ

นอกจากนั้น การสมัครใช้บริการ Wi-Fi กับผู้ให้บริการรายใหญ่นั้นค่อนข้างยากสำหรับผู้ที่มีวีซ่านักเรียน หรือคนที่ไม่มีบัตรเครดิตครับ และเอาจริง ๆ แล้ว การทำสัญญาอื่น ๆ ในญี่ปุ่นก็มักจะมีเงื่อนไขระยะเวลาพำนักเกิน 2 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวกว่าวีซ่าของผมในตอนนั้นครับ” ตัวเลือกที่เหมาะสำหรับสถานการณ์ของนักศึกษานานาชาติจึงมีจำกัดมาก และดูเหมือนว่าข้อจำกัดเหล่านี้ก็ยังคงมีอยู่ในปัจจุบันนะครับ

ถาม: นักศึกษานานาชาติที่เช่า Wi-Fi มีความรู้สึกกังวลหรือข้อสงสัยอะไรบ้างครับ

ตอบ: “การทำสัญญาที่ญี่ปุ่นนั้น คำอธิบายต่าง ๆ จะเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นแทบทั้งสิ้นครับ” ซึ่งจุดนี้เอง ทำให้นักศึกษานานาชาติที่ยังไม่คุ้นชินภาษาญี่ปุ่นเข้าใจยาก และจำเป็นต้องให้ใครสักคนคอยช่วยเหลือในการทำสัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นคนที่สามารถพูดได้ทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาของนักศึกษานานาชาติคนนั้น ก็จะทำให้เขาสบายใจมากขึ้นนะครับ

“นักศึกษานานาชาติจะกังวลเกี่ยวกับวิธีการชำระเงิน อย่างการแบ่งชำระเป็นงวด ๆ หรืออะไรทำนองนี้อยู่แล้ว พอบวกกับการที่ต้องมานั่งอยู่ในที่ไม่คุ้นเคย คุยกับคนไม่รู้จักด้วยภาษาที่ไม่ใช่ภาษาแม่ หลายคนก็จะรู้สึกเครียดครับ DXHub ของเราจึงมีบริการช่วยเหลือในจุดนี้เตรียมพร้อมไว้ด้วยครับ”

ทุกคนต่างก็มีเรื่องที่จำเป็นต้องทำอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นติดต่อกับเพื่อนและครอบครัวที่ประเทศ การบ้านที่มหาวิทยาลัย รวมไปธุระปะปังในชีวิตประจำวัน หากเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้การดำเนินการเรื่อง Wi-Fi ยุ่งยากจริงมั้ยครับ